จากสื่อต่างประเทศ ได้รายงานว่า ดร.หง หยงเซียง แพทย์โรคไตชาวไต้หวัน แบ่งปันกรณีอุทาหรณ์ การอุ่นอาหารที่เหลือด้วยไมโครเวฟทำให้ทั้งครอบครัวต้องถูกนำตัวส่งห้องฉุกเฉิน และหญิงวัย 60 ปี ได้รับบาดเจ็บที่ไตเฉียบพลัน

คุณหมอเล่าว่า หญิงวัย 60 ปีรายนี้ อยู่ระหว่างติดตามสถานะสุขภาพในคลินิก ที่ผ่านมาโรคเบาหวานได้รับการควบคุมอย่างดี แต่ในระหว่างการนัดพบครั้งล่าสุด พบว่าอัตราการกรองของไต (eGFR) แย่ลง สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ร้ายแรงมาก โดยปกติแล้วจะหมายถึงการบาดเจ็บที่ไตเฉียบพลัน และสาเหตุที่พบบ่อยที่สุดคือการติดเชื้อ

คุณหมอถามอีกฝ่ายทันทีว่าเธอเป็นหวัด ติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ หรือเป็นโรคกระเพาะและลำไส้อักเสบเฉียบพลันหรือไม่ ผู้หญิงคนนั้นจึงยอมรับว่าได้เข้าห้องฉุกเฉินเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เพราะทั้งครอบครัวติดเชื้อจากการทาน ไข่คนกับมะเขือเทศ ที่ทิ้งไว้ข้ามคืน

เธอเล่าเพิ่มเติมว่า ได้นำไข่คนกับมะเขือเทศไปอุ่นในไมโครเวฟ พื้นผิวข้างนอกของอาหารอุ่นๆ แต่ตรงกลางยังเย็นอยู่ ซึ่งทั้งครอบครัวชอบทานแบบนี้ จึงรับประทานร่วมกันอย่างเอร็ดอร่อย ต่อมา พวกเขาเริ่มมีอาการอาเจียนและท้องร่วงหลังมื้ออาหาร และถึงขั้นต้องเข้าห้องฉุกเฉินเพื่อฉีดยาเข้าเส้นเลือดดำเนื่องจากอาการกระเพาะและลำไส้อักเสบ ทั้งนี้ เนื่องจากตัวเธอเองป่วยเป็นโรคเบาหวานและไตวาย ส่งผลให้การทำงานของไตลดลงอย่างรวดเร็ว

ในเรื่องนี้คุณหมออธิบายว่า เมื่ออุ่นอาหารในเตาไมโครเวฟ ความร้อนอาจไม่กระจายตัวในอาหารอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งทั้งครอบครัวก็กินมันโดยไม่สนใจว่าความร้อนจะไม่สม่ำเสมอ และตรงกลางจานยังเย็นอยู่

คุณหมอเตือนถึงหลักสำคัญสำหรับ วิธีเก็บรักษาอาหารเหลือ เช่น หลีกเลี่ยงการทิ้งอาหารเหลือไว้ที่อุณหภูมิห้องนานกว่า 2 ชั่วโมง , ควรบรรจุอาหารในภาชนะที่แห้งและปิดสนิท เพื่อป้องกันอากาศเข้าออก , ควรใส่อาหารที่เหลือในตู้เย็น ในขณะที่ยังร้อนอยู่ เนื่องจากอุณหภูมิที่ต่ำกว่า 60 องศา อาจทำให้เกิดการปนเปื้อนของแบคทีเรียระหว่างมื้ออาหาร , ควรรับประทานอาหารเหลือให้หมดในคราวเดียว หลีกเลี่ยงการอุ่นร้อนซ้ำๆ